หน้าเว็บ

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

การสำรองไฟล์ (Duplicate)


การสำรองไฟล์ที่กล่าวถึงในครั้งนี้ คือการทำไฟล์สำรองเผื่ออีกหนึ่งชื่อ โดยใช้คำสั่ง COPY  เพื่อได้ไฟล์ชื่อใหม่และไฟล์ชื่อเดิม  พร้อมกับมีเนื้อหาภายในเหมือนกันทุกประการ  เช่น
สมมติว่า  มีไฟล์ชื่อว่า DOS.DOCX  แล้วเกิดอยากสำรองไฟล์ไว้ในชื่อใหม่ว่า DOSTIC.DOCX  จะต้องพิมพ์คำสั่งดังนี้



เหตุที่ต้องทำการสำรองไฟล์ไว้นั้นก็เผื่อเอาไว้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน  หากไฟล์ต้นฉบับสูญหายไป  ก็ยังสามารถเรียกไฟล์สำรองไว้มาใช้งานได้


หากการทำไฟล์สำรองสำเร็จไปได้ด้วยดี  ดอสจะแจ้งให้ท่านทราบว่า 1 file(s) copied.  แต่ถ้าหากเกิดเหตุผิดพลาด  ก็จะแสดงว่า file not found.  ข้อผิดพลาดนี้อาจจะเกิดจากการพิมพ์สำสั่งผิด หรือ ถ้าหากพิมแล้วปรากฏว่าดอสค้นหาไฟล์ต้นฉบับไม่เจอก็จะแสดงให้ทราบดังนี้  The system connot find the file specified.

ชนิดคำสั่ง DOS

    คำสั่งของ DOS มีอยู่ 2 ชนิดคือ
    1. คำสั่งภายใน (Internal Command) เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหน่วยความจำหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS, DIR, COPY, REN เป็นต้น
    2. คำสั่งภายนอก (External Command) คำสั่งนี้จะถูกเก็บไว้ในดิสก์หรือแผ่น DOS คำสั่งเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งเหล่านี้คอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู๋หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เป็นต้น

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

เบื้องลึกเบื้องหลังที่หลายคนมองข้าม

     คำศัพท์ OEM (Original  Equipment Manufacturer) หมายถึงเครื่องของแท้จากบริษัทผู้ผลิต  ไม่ว่าจะเป็น IBM, Compaq, Tandy หรือ Wambooli  เหล่านี้ล้วนแต่ติดตราตียี้ห้อ OEM บริษัทเหล่านี้จะซื้อลิขสิทธ์จากไมโครซอฟต์ แล้วเปลี่ยนชื่อดอสให้เข้ากับชื่อบริษัทของตนเอง
     สิ่งที่พบเห็นกันอยู่บ่อยในเครื่องติดยี่ห้อก็คือ ชื่อเวอร์ชัน ตัวอย่างเช่น ถ้าพิมพ์คำสั่ง VER ในเครื่อง Tandy 1000  จะได้เห็น “Tandy DOS, Version 2.11.34”  นั่นก็หมายถึง ดอสเวอร์ชัน 2.11  ซึ่งงมีการเพิ่มเติมคุณลักษณะพิเศษโดยเฉพาะจาก Tandy ครั้งที่ 34
     เมื่อใดก็ตามที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่  บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์จำเป็นจะต้องพิมพ์คู่มือใหม่  เพื่อเลี่ยงปัญหานี้ทางผู้ผลิตซอฟต์แวร์จึงมีรุ่นปรับปรุงใหม่แทรกเข้ามา  เช่น ดอสเวอร์ชัน 4.01 หมายถึงการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยจากดอสเวอร์ชัน 4.0

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ชื่อและเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ

"ดอส"  เป็นเพียงระบบปฏิบัติการชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาโดยบริษัท ไมโครซอฟต์ (Microsoft) หรือเรียกชื่อเต็มว่า MS-DOS (Microsoft Disk Operating System)  เมื่อ IBM ซื้อลิขสิทธิ์จากไมโครซอฟต์และนำไปเป็นระบบปฏิบัติการบนเครื่องพีซี  จึงได้เป็นชื่อใหม่สำหรับค่าย IBM ว่า PC DOS หรือ Personal Computer Disk Operating System  จากนั้นบริษัทอื่นๆ ก็หันมาให้ความนิยมกับระบบปฏิบัติการดอส โดยทำการซื้อลิขสิทธิ์จากไมโครซอฟต์แล้วเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับชื่อบริษัทของตนเอง เช่น Compaq DOS, Tandy DOS, Wambooli DOS แต่ทุกชื่อก็ยังมีคำว่า DOS เสมอ
ถึงแม้ว่าจะมีการเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปยังไงก็ตาม ทุกค่ายก็ยังคงไว้ซึ่ง DOS เหมือนเดิม  จะมีข้อแตกต่างกันบ้างคือดอสที่มีชื่อพิเศษจะใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
นอกจากชื่อแล้ว  ดอสยังมีเวอร์ชัน  หรือรุ่นที่ผลิตออกมา โดยในแต่ละรุ่นจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพียงเล็กน้อย  เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดให้ดียิ่งขึ้น  โดยจะมีเลขทศนิยมต่อท้าย เช่น เวอร์ชัน 1.0, 1.1, 2.0, 2.1, 3.0, 3.1 ฯลฯ

หากต้องการทราบเวอร์ชันก็เพียงพิมพ์คำสั่ง Ver ลงไป  แล้วกด Enter  ก็จะทราบว่าเราใช้ระบบปฏิบัติการอะไร  ในที่นี้ผมใช้ DOS บนระบบปฏิบัติการ Windows XP  จึงแสดงดังภาพ


วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ส่วนประกอบและหน้าที่ของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์    ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน  คือ
            1. ส่วนนำเข้า (Input Unit) มีหน้าที่รับข้อมูลหรือค่าส่งจากสื่อนำเข้าไปไว้เก็บในหน่วยความจำ  เช่น
การบันทึกข้อมูลประวัตินักเรียนผ่านทางสื่อ  หรือการอ่านคะแนนสอบจากบัตรคำตอบ เป็นต้น
            2. ส่วนประมวลผลกลาง (Central  Processong Unit) เป็นส่วนที่ทำการประมวลผลข้อมูลที่ได้นำเข้าจากส่วนนำข้อมูลเข้า  ส่วนประมวลผลกลางจะประกอบไปด้วย 3 หน่วยหลักๆ คือ
                    2.1 หน่วยความจำ (Memory) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากการนำเข้าหรือจากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์  หน่วยความจำแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
                     RAM(Random Access Memory)  เป็นหน่วยความจำชนิดที่สามารถบันทึกข้อมูลได้และลบข้อมูลได้  แต่ไม่จำข้อมูลในขณะที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง หน่วยความจำประเภทนี้เรียกว่าหน่วยความจำหลัก  ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานเป็นหลัก

                     ROM(Read Only Memory) เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลได้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถบันทึกข้อมูลใหม่ได้  ส่วนใหญ่จะใช้เก็บโปรแกรมสำคัญหรือกราฟิกต่างๆ

                 2.2 หน่วยคำนวณ (Arithmetic & Logic) หลักการคำนวณของคอมพิวเตอร์มี 2 หลักการ คือ
                            1.  การคำนวณ (Arithmetic&Logic) คือ การบวก  ลบ คูณ  หาร
                            2. การเปรียบเทียบ (Logical)  เช่น การคำนวณหาค่าผลรวมของยอดกำไรขาดทุน  และ
                                 การเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละกลุ่ม  หรือแต่ละหมวดแต่ละหมู่
                 2.3 หน่วยควบคุม(Control Unit) ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และทำหน้าที่ประสานงานการทำงานภายในและงานภายนอกของคอมพิวเตอร์
             3. ส่วนแสดงผลข้อมูล (Output Unit)   ทำหน้าที่ในการแสดงผลจากการประมวลผลแล้วไปยังสื่อที่แสดงผลลัพธ์ ได้แก่ จอภาพ  เครื่องพิมพ์  หรือเก็บไว้ที่หน่วยความจำ  ได้ทั้งความรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำและประหยัด  เนื่องจากการเขียนคำสั่งเพียงครั้งเดียวสามารถทำงานซ้ำๆได้คราวละจำนวนมากๆ

องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

เครื่องคอมพิวเตอร์โดยลำพังเองแล้วมันจะไม่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง  จำเป็นต้องมีองค์ประกอบอยู่ด้วยกัน 4 อย่างที่มีความสำคัญเท่าเทียมกันและต้องทำงานประสานกัน    จึงทำให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้จะกล่าวถึงองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบใดบ้าง  แต่ละองค์ประกอบมีความสำคัญอย่างไร  ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะและหน้าที่ของอุปกรณ์ต่างๆภายในระบบคอมพิวเตอร์รวมไปถึงการทำงานของระบบ  ซึ่งพอจะสรุปถึงองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ที่สำคัญได้ดังนี้
1. องค์ประกอบทางด้านฮาร์ดแวร์ (Hardware)
      ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึงส่วนประกอบของตัวเครื่องที่เราสามารถจับต้องได้  จะสามารถแบ่งส่วน ประกอบของฮาร์ดแวร์ออกได้เป็น 5 หน่วยที่สำคัญ ดังนี้
         1.1 หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) ทำหน้าที่ในการรับโปรแกรม  และข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์  ตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับข้อมูลเข้า ได้แก่  แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard) เครื่องสแกนต่างๆ เช่น เครื่อง
รูดบัตร  สแกนเนอร์ ฯลฯ
         1.2 หน่วยความจำ (Memory Unit) ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูล เพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางทำการประมวลผล  และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล  เพื่อเตรียมส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไป
         1.3 หน่วยประมวลผลกลาง (CPU หรือ Central Processing Unit) ทำหน้าที่ปฏิบัติงานตามคำสั่งที่ปรากฏอยู่ในโปรแกรม หน่วยนี้จะประกอบด้วยหน่วยย่อยๆ อีก 2 หน่วย  ได้แก่  หน่วยคำนวณเลขคณิตและตรรกวิทยา (ALU หรือArithmetic and Logical Unit)  และ หน่วยควบคุม (CU หรือ Control Unit)
         1.4 หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storge) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมที่จะป้อนเข้าสู่หน่วยความจำหลักภายในเครื่องก่อนทำการประมวลผลโดย ซีพียู  รวมทั้งเป็นแหล่งเก็บผลลัพท์จากการประมวลผลด้วย เพื่อการใช้งานในภายหลัง
         1.5 หน่วยแสดงข้อมูล (Output Unit) ทำหน้าที่แสดงผลลัพท์จากการประมวลผล  เช่น จอภาพ  เครื่องพิมพ์  เป็นต้น

2. องค์ประกอบทางด้านซอฟต์แวร์ (Software)
      ซอฟต์แวร์ (Software) หมายถึง โปรแกรมหรือชุดของคำสั่งที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานซอฟต์แวร์นี้จึงเปรียบเสมือนตัวเชื่อมระหว่างผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์  
      ซอฟต์แวร์ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น
                        1. ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
                        2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
                        3. ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package) 

วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์

       จุดเริ่มต้นในการคิดค้นเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเกิดจากความต้องการในการนับ และคิดคำนวณของมนุษย์โดยในยุคแรกคือช่วงคริสต์ศักราช 1200 การคิดคำนวณยังไม่ซับซ้อน ในประเทศจีนมีการใช้อุปกรณ์ช่วยในการนับที่เรียกว่าลูกคิด (abacus) ต่อมาเมื่อมนุษย์ต้องการการคิดคำนวณที่ซับซ้อน และต้องอาศัยเครื่องมือช่วยงานที่มีความสมารถหลากหลาย จึงได้มีการพัฒนาเครื่องช่วยคำนวณที่ซับซ้อนแล้วก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งในยุคปัจจุบันเรามีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการคำนวณงานและประยุกต์ใช้งานได้หลายประเภท เช่น การสื่อสาร การประมวลผลข้อมูลหรือแม้แต่ให้ความบันเทิง นอกจากนั้นรูปลักษณ์ของคอมพิวเตอร์ยังพัฒนาจนมีขนาดเล็กง่ายต่อการพกพา

 เครื่องคำนวณปาสคาลที่คิดค้นโดยเบลส ปาสคาล


         การพัฒนาเครื่องคำนวณเป็นไปอย่างต่อเนื่องและน่าสนใจ เราสามารถแบ่งลักษณะของเครื่องคำนวณที่สร้างสร้างขึ้นได้เป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกที่เครื่องคำนวณมีการทำงานเป็นกลไกแบบเครื่องจักรกลและค่อยๆ พัฒนาถึงปัจจุบันคือช่วงที่เครื่องคำนวณหรือเครื่องคอมพิวเตอร์มีการทำงานโดยใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

        ในช่วงแรกที่มีการพัฒนาเครื่องคำนวณที่ทำงานแบบเครื่องจักรกล เครื่องคำนวณที่มีชื่อเสียงใช้คำนวณการบวกลบเลขที่แท้จริง ชื่อว่า เครื่องคำนวณปาสคาล (Pascal calculator) ทีประดิษฐ์ขึ้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ เบลส ปาสคาล (Blaise Pascal) และต่อมานักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ กอดฟริด ฟอน ไลบ์นิช (Gottfried Von Leibnitz) ได้ประดิษฐ์เครื่องคำนวณที่มีความสามารถในการคูณ หาร และหารากที่สองได้ ชื่อว่าเครื่องคำนวณสเต็ป เรคคอนเนอร์ (Stepped Reckconer)

คอมพิวเตอร์ คืออะไร


     คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการทำงานแบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนตามคำสั่งของโปรแกรม มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์" ขั้นตอนการทำงานจะประกอบด้วย การรับโปรแกรมและข้อมูลในรูปแบบที่เครื่องสามารถรับได้ แล้วทำการคำนวณ เคลื่อนย้ายเปรียบเทียบ จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ