หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปุ่ม F3 ทางลัดแสนสั้น กับ DOS


ปุ่ม F3 เป็นทางลัดที่จัดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการพิมพ์คำสั่งดอสโดยเฉพาะ  ตัวอย่างเช่นคุณต้องการดูไฟล์ที่มีอยู่ในไดรฟ์ E: (ไดรฟ์อ่านแผ่น CD) คุณพิมพ์คำสั่งลงไป

C:\>DIR E:

แต่บังเอิญลืมใส่แผ่นเอาไว้  คณสามารถเอาแผ่นใส่เข้าไปได้  แต่แทนที่จะต้องพิมพ์คำสั่งใหม่  คุณก็เพียงแค่กดปุ่ม F3  คุณจะเห็นคำสั่งชุดเดิมที่พิมพ์ไปก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาบนจออีกครั้ง

C:\>DIR E:

กด Enter คอมพิวเตอร์ก็จะรับคำสั่งไปปฏิบัติอีกรอบ

ง่ายใช่ไหมล่ะครับ  ถ้าหากพิมพ์คำสั่งยาวๆ ยากใช้อีกรอบง่ายเลยทีนี้  ^^

คำสั่ง DOS แสดงรายการไฟล์ด้วย DIR


คำสั่งยอดนิยมที่มีผู้ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลกของ DOS เห็นทีจะไม่พ้นคำสั่ง DIR  ซึ่งจะใช้แสดงรายการไฟล์ที่มีอยู่  คุณจะใช้คำสั่งนี้ในการค้นหาโปรแกรมหรือไฟล์ที่มีอยู่ไม่ว่าจะในแผ่นดิสก์ หรือคอมพิวแตอร์  หากเกิดลืมหรือจดจำไม่ได้ว่า  ไฟล์ข้อมูลที่คุณทำเสร็จไปนั้นเก็บไว้ที่ใด  ใช้คำสั่ง DIR ค้นหาได้ทันที

หากต้องการดูรายการของไฟล์  พิมพ์ DIR ที่ดอสพรอมด์

C:\>DIR

หากรายการไฟล์ที่มีอยู่ยาวเหยียดจนมงตามไม่ทัน  จะหยุดหน้าจอให้แสดงผลทีละหน้าก็ทำได้โดยง่าย ดังนี้

C:\>DIR/P

จำง่ายๆ ว่า P = pause หรือหยุดไว้ชั่วคราวนั้นเอง

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

การสำรองไฟล์ (Duplicate)


การสำรองไฟล์ที่กล่าวถึงในครั้งนี้ คือการทำไฟล์สำรองเผื่ออีกหนึ่งชื่อ โดยใช้คำสั่ง COPY  เพื่อได้ไฟล์ชื่อใหม่และไฟล์ชื่อเดิม  พร้อมกับมีเนื้อหาภายในเหมือนกันทุกประการ  เช่น
สมมติว่า  มีไฟล์ชื่อว่า DOS.DOCX  แล้วเกิดอยากสำรองไฟล์ไว้ในชื่อใหม่ว่า DOSTIC.DOCX  จะต้องพิมพ์คำสั่งดังนี้



เหตุที่ต้องทำการสำรองไฟล์ไว้นั้นก็เผื่อเอาไว้เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน  หากไฟล์ต้นฉบับสูญหายไป  ก็ยังสามารถเรียกไฟล์สำรองไว้มาใช้งานได้


หากการทำไฟล์สำรองสำเร็จไปได้ด้วยดี  ดอสจะแจ้งให้ท่านทราบว่า 1 file(s) copied.  แต่ถ้าหากเกิดเหตุผิดพลาด  ก็จะแสดงว่า file not found.  ข้อผิดพลาดนี้อาจจะเกิดจากการพิมพ์สำสั่งผิด หรือ ถ้าหากพิมแล้วปรากฏว่าดอสค้นหาไฟล์ต้นฉบับไม่เจอก็จะแสดงให้ทราบดังนี้  The system connot find the file specified.

ชนิดคำสั่ง DOS

    คำสั่งของ DOS มีอยู่ 2 ชนิดคือ
    1. คำสั่งภายใน (Internal Command) เป็นคำสั่งที่เรียกใช้ได้ทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปิดใช้งานอยู่ เพราะคำสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหน่วยความจำหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS ส่วนมากจะเป็นคำสั่งที่ใช้อยู่เสมอ เช่น CLS, DIR, COPY, REN เป็นต้น
    2. คำสั่งภายนอก (External Command) คำสั่งนี้จะถูกเก็บไว้ในดิสก์หรือแผ่น DOS คำสั่งเหล่านี้จะไม่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำ เมื่อต้องการใช้คำสั่งเหล่านี้คอมพิวเตอร์จะเรียกคำสั่งเข้าสู๋หน่วยความจำ ถ้าแผ่นดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ไม่มีคำสั่งที่ต้องการใช้อยู่ก็ไม่สามารถเรียกคำสั่งนั้น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น คำสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เป็นต้น

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

เบื้องลึกเบื้องหลังที่หลายคนมองข้าม

     คำศัพท์ OEM (Original  Equipment Manufacturer) หมายถึงเครื่องของแท้จากบริษัทผู้ผลิต  ไม่ว่าจะเป็น IBM, Compaq, Tandy หรือ Wambooli  เหล่านี้ล้วนแต่ติดตราตียี้ห้อ OEM บริษัทเหล่านี้จะซื้อลิขสิทธ์จากไมโครซอฟต์ แล้วเปลี่ยนชื่อดอสให้เข้ากับชื่อบริษัทของตนเอง
     สิ่งที่พบเห็นกันอยู่บ่อยในเครื่องติดยี่ห้อก็คือ ชื่อเวอร์ชัน ตัวอย่างเช่น ถ้าพิมพ์คำสั่ง VER ในเครื่อง Tandy 1000  จะได้เห็น “Tandy DOS, Version 2.11.34”  นั่นก็หมายถึง ดอสเวอร์ชัน 2.11  ซึ่งงมีการเพิ่มเติมคุณลักษณะพิเศษโดยเฉพาะจาก Tandy ครั้งที่ 34
     เมื่อใดก็ตามที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่  บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์จำเป็นจะต้องพิมพ์คู่มือใหม่  เพื่อเลี่ยงปัญหานี้ทางผู้ผลิตซอฟต์แวร์จึงมีรุ่นปรับปรุงใหม่แทรกเข้ามา  เช่น ดอสเวอร์ชัน 4.01 หมายถึงการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยจากดอสเวอร์ชัน 4.0

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ชื่อและเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ

"ดอส"  เป็นเพียงระบบปฏิบัติการชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาโดยบริษัท ไมโครซอฟต์ (Microsoft) หรือเรียกชื่อเต็มว่า MS-DOS (Microsoft Disk Operating System)  เมื่อ IBM ซื้อลิขสิทธิ์จากไมโครซอฟต์และนำไปเป็นระบบปฏิบัติการบนเครื่องพีซี  จึงได้เป็นชื่อใหม่สำหรับค่าย IBM ว่า PC DOS หรือ Personal Computer Disk Operating System  จากนั้นบริษัทอื่นๆ ก็หันมาให้ความนิยมกับระบบปฏิบัติการดอส โดยทำการซื้อลิขสิทธิ์จากไมโครซอฟต์แล้วเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับชื่อบริษัทของตนเอง เช่น Compaq DOS, Tandy DOS, Wambooli DOS แต่ทุกชื่อก็ยังมีคำว่า DOS เสมอ
ถึงแม้ว่าจะมีการเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปยังไงก็ตาม ทุกค่ายก็ยังคงไว้ซึ่ง DOS เหมือนเดิม  จะมีข้อแตกต่างกันบ้างคือดอสที่มีชื่อพิเศษจะใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น
นอกจากชื่อแล้ว  ดอสยังมีเวอร์ชัน  หรือรุ่นที่ผลิตออกมา โดยในแต่ละรุ่นจะมีการปรับปรุงแก้ไขเพียงเล็กน้อย  เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดให้ดียิ่งขึ้น  โดยจะมีเลขทศนิยมต่อท้าย เช่น เวอร์ชัน 1.0, 1.1, 2.0, 2.1, 3.0, 3.1 ฯลฯ

หากต้องการทราบเวอร์ชันก็เพียงพิมพ์คำสั่ง Ver ลงไป  แล้วกด Enter  ก็จะทราบว่าเราใช้ระบบปฏิบัติการอะไร  ในที่นี้ผมใช้ DOS บนระบบปฏิบัติการ Windows XP  จึงแสดงดังภาพ


วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ส่วนประกอบและหน้าที่ของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์    ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน  คือ
            1. ส่วนนำเข้า (Input Unit) มีหน้าที่รับข้อมูลหรือค่าส่งจากสื่อนำเข้าไปไว้เก็บในหน่วยความจำ  เช่น
การบันทึกข้อมูลประวัตินักเรียนผ่านทางสื่อ  หรือการอ่านคะแนนสอบจากบัตรคำตอบ เป็นต้น
            2. ส่วนประมวลผลกลาง (Central  Processong Unit) เป็นส่วนที่ทำการประมวลผลข้อมูลที่ได้นำเข้าจากส่วนนำข้อมูลเข้า  ส่วนประมวลผลกลางจะประกอบไปด้วย 3 หน่วยหลักๆ คือ
                    2.1 หน่วยความจำ (Memory) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากการนำเข้าหรือจากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์  หน่วยความจำแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
                     RAM(Random Access Memory)  เป็นหน่วยความจำชนิดที่สามารถบันทึกข้อมูลได้และลบข้อมูลได้  แต่ไม่จำข้อมูลในขณะที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง หน่วยความจำประเภทนี้เรียกว่าหน่วยความจำหลัก  ซึ่งเป็นหน่วยความจำที่เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานเป็นหลัก

                     ROM(Read Only Memory) เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลได้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถบันทึกข้อมูลใหม่ได้  ส่วนใหญ่จะใช้เก็บโปรแกรมสำคัญหรือกราฟิกต่างๆ

                 2.2 หน่วยคำนวณ (Arithmetic & Logic) หลักการคำนวณของคอมพิวเตอร์มี 2 หลักการ คือ
                            1.  การคำนวณ (Arithmetic&Logic) คือ การบวก  ลบ คูณ  หาร
                            2. การเปรียบเทียบ (Logical)  เช่น การคำนวณหาค่าผลรวมของยอดกำไรขาดทุน  และ
                                 การเปรียบเทียบข้อมูลแต่ละกลุ่ม  หรือแต่ละหมวดแต่ละหมู่
                 2.3 หน่วยควบคุม(Control Unit) ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์และทำหน้าที่ประสานงานการทำงานภายในและงานภายนอกของคอมพิวเตอร์
             3. ส่วนแสดงผลข้อมูล (Output Unit)   ทำหน้าที่ในการแสดงผลจากการประมวลผลแล้วไปยังสื่อที่แสดงผลลัพธ์ ได้แก่ จอภาพ  เครื่องพิมพ์  หรือเก็บไว้ที่หน่วยความจำ  ได้ทั้งความรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำและประหยัด  เนื่องจากการเขียนคำสั่งเพียงครั้งเดียวสามารถทำงานซ้ำๆได้คราวละจำนวนมากๆ